God of Calories Tracker สายนับแคลแบบมั่นคงและยั่งยืน ใช้ชีวิตให้สนุกและคุมน้ำหนักมันไปด้วยกันได้!!!
"God of calories tracker"
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_8e22eda0c39a48edac707816bfcb0fd9~mv2.jpg/v1/fill/w_603,h_603,al_c,q_85,enc_auto/8764c0_8e22eda0c39a48edac707816bfcb0fd9~mv2.jpg)
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_aed40a5ffc014a1c906d0f75ee892976~mv2_d_2000_2000_s_2.jpg/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/8764c0_aed40a5ffc014a1c906d0f75ee892976~mv2_d_2000_2000_s_2.jpg)
การจะมีรูปร่างที่ดีจะต้องอาศัยปัจจัยในเรื่องของอาหาร(70%) และ การออกกำลังกาย(30%)
ในส่วนนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของอาหารที่เป็นหัวใจหลักของการมีรูปร่างดี
มีซิกแพคอย่างที่หลายๆคนได้ตั้งเป้าหมายไว้ อาหารก็เปรียบเสมือนเชื้อเพลิง
ร่างกายเราก็เปรียบเสมือนกับเครื่องยนต์ หากเราเติมในปริมาณที่เหมาะสม
มีคุณภาพมันจะส่งผลต้องสมรรถนะของเครื่องยนต์อย่างดีเยี่ยม
ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเลยถ้าหากเราเข้าใจในหลักการของการกิน
Calories deficit ?
คือการกินอาหารเข้าไปในปริมาณที่ให้พลังงานน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายต้องการได้รับต่อวันซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักหรือการมีรูปร่างที่ดีและกุญแจหลักที่จะนำไปสู่การมีซิคแพคอย่างที่หลายคนหวังไว้
การนับแคลอรี่เป็นอย่างไร ?
อย่างที่เมืองนอกเรียกกันว่า IFFYM(if it fits your macros) หรือ flexible dieting.คือสิ่งที่เราเข้าใจกันอยู่ว่ามันคือการนับแคลอรี่ในอาหารนั่นเอง ทำไม่มันถึงถูกเรียกว่า flexibledieting ล่ะ? ในเมื่อมันต้องนับแคลอรี่ในอาหารที่เรากินเข้าไปทั้งหมดแต่แท้จริงแล้วหลักของมันก็คือการที่เปิดโอกาสในเราสามารถกินอะไรก็ได้
ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอาหารคลีน ไขมันต่ำ รสชาติจืดชืดแต่แค่ทั้งหมดที่กินเข้าไปนั้นจะต้องสอดคล้องกับ
จำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายเราต้องการได้รับต่อวัน และ Macronutrients หรือเรียกสั้นๆว่า Macros ซึ่งจะประกอบไปด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เป็นองค์ประกอบหลักซึ่งอาจไม่ได้พูดถึงในเรื่องของ Micronutrients ที่เป็นพวกของวิตามิน เกลือแร่ ซึ่งร่างกายนั้นต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็มีความสำคัญในสมดุลของร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ควรละเลย และบริโภคอย่างเหมาะสม
สิ่งที่ควรรู้และเป็นหัวใจหลักสำหรับโภชนาการของการเพิ่มแรง สร้างกล้าม และการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_9893e5ea9a0d48aa8f07923bbdbc2649~mv2.png/v1/fill/w_538,h_457,al_c,q_85,enc_auto/8764c0_9893e5ea9a0d48aa8f07923bbdbc2649~mv2.png)
Eric Helms Macro pyramid
1. Calories
เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในที่นี้จะพูดถึงแคลอรีที่กินเข้าไปภายใน 1 วัน เป็นกฎของโลกนี้ที่ว่า
Cal In = Cal out คุณจะไม่สามารถลดไขมันได้เลยถ้าหาก Cal In มากกว่า Cal out
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรกินกี่แคลอรี่ ?
ในเมื่อไม่รู้ว่าจะต้องกินเท่าไหร่ มันก็เป็นการยากที่เราจะทำ calorie deficit ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีแอพพลิเคชันบนมือถือมากมายที่จะช่วยวิเคราะห์เป็นประมาณการว่าเราควรจะกินในปริมาณแคลอรีเท่าไหร่ต่อหนึ่งวัน
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกับกับคำว่า TDEE (Total Daily Energy Expenditure) คือ
การประมาณการแคลอรีหรือพลังงานที่เราต้องใช้สำหรับ 1 วัน ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนดังนี้
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_bf8e92d64b8649d5a79beeaabe9721b9~mv2.png/v1/fill/w_394,h_210,al_c,q_85,enc_auto/8764c0_bf8e92d64b8649d5a79beeaabe9721b9~mv2.png)
BMR ( Basal metabolic rate ) คือพลังงานร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิตในขณะพัก
เช่น การหายใจ การเต้นของหัวใจ และการทำงานของอวัยวะต่างๆซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ตั้งใช้พลังงานทั้งสิ้น โดยจำขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ ส่วนสูงและน้ำหนัก(ที่เป็นกล้ามเนื้อ)
Physical Activity พลังงานที่ใช้ในการเคลื่อนไหว และกิจกรรมที่เราทำในระหว่างซึ่งขึ้นในแต่ละบุคคลว่าจะมีการทำกิจกรรมมากขนาดไหน เช่น การเดิน วิ่ง ยกน้ำหนัก เป็นต้น
Thermic Effect of food เป็นพลังงานที่ใช้ในการย่อยอาหารซึ่งจะมีผลเล็กน้อยการคำนวณ BMR นั้นมีหลายรูปแบบ แต่เราจะเลือกใช้ของ Harris Benedict Equationซึ่งเป็นของสากล สามารถคำนวณได้โดยการกรอกรายละเอียด อายุ เพศ และน้ำหนัก
ในลิ้งนี้ http://www.bmi-calculator.net/bmr- calculator/
จากนั้นนำค่าของ BMR ที่ได้จากการคำนวณมาคูณกับ Factor ของกิจกรรมที่เราทำ
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_6c074279cbc043bd93dae2818d5e5d8e~mv2.jpg/v1/fill/w_664,h_135,al_c,q_80,enc_auto/8764c0_6c074279cbc043bd93dae2818d5e5d8e~mv2.jpg)
จากค่าของ BMR x Factor เท่านี้คุณก็จะทราบ TDEE หรือพลังงานที่เราต้องใช้สำหรับ 1
วันแล้ว ถ้าอยากลดน้ำหนักก็เพียงแค่ กินให้น้อยลง 300-500 แคลอรีต่อวัน หรือ
ถ้าเพิ่มน้ำหนักก็กินให้มากขึ้น 300-500 แคลอรีต่อวัน
2. Macros ( โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน )
ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อ สมดุลของร่างกายในเมื่อทราบกันแล้วว่าจะต้องกินกี่แคลอรีแล้ว ลำดับต่อไปก็ต้องทราบว่าจะต้องกินสัดส่วนของ Macros พวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันในสัดส่วนเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม
โปรตีน
หัวใจสำคัญซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการสร้างกล้ามเนื้อและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในช่วงที่จะลดน้ำหนักเพราะการออกกำลังกายหนักๆก็จะสามารถทำให้เกิดการสูญเสียกล้ามเนื้อได้ดังนั้นเราควรจะกินโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม โดยสำหรับผมจะแนะนำให้กินโปรตีนในปริมาณ 0.7 -0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัวที่เป็นปอนด์ (เอาน้ำหนักที่เป็นกิโลกรัม x 2.2) หรือง่ายๆก็ประมาณ 25 – 30 % ของแคลอรีต่อวัน ซึ่งแหล่งของโปรตีนก็จะมาจากพวกเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว นม
ตัวอย่างเช่น
คนน้ำหนัก 65 กิโลกรัม
65 x 2.2 x 0.8 = 114.4
แสดงว่าปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวันจะประมาณ 115 กรัม
คาร์โบไฮเดรต
อย่างที่รู้กันว่าเป็นอาหารจำพวกแป้ง ข้าว เผือก มัน ผัก ผลไม้รวมถึงขนมหวานเบเกอรีต่างๆที่สาวๆมักจะหวาดกลัวกันมากซึ่งสำหรับผมไม่แนะนำให้ตัดแป้งเพราะเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกายที่จะต้องนำไปใช้ในการดำรงชีวิตแต่แป้งที่แนะนำให้กินก็จะเป็นพวก Complex carbs จะเป็นแป้งโมเลกุลสายยาวๆไม่ทำให้ระดับของน้ำตาลในเลือดสูงมากเกินไปจนทำให้ร่างกายเร่งการสะสมในรูปของไขมันแทน ทั้งยังเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวานอีกด้วยเช่นพวกข้าวกล้อง ถั่ว ผักธัญพืช และพืชผักผลไม้ โดยพวกแป้งทั้งหมดจะให้คิดเป็นประมาณ 40 – 45 % ของของแคลอรีต่อวัน
ไขมัน
สิ่งที่ทุกคนที่จะลดน้ำหนักมักจะหวาดกลัวกันมากๆและคิดว่าควรจะตัดมันออกไปจากชีวิตเลยซึ่งผมก็ไม่แนะนำให้ตัดไขมันอีกเช่นกันเพราะร่างกายจำเป็นต้องให้อาหารประเภทนี้ในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันและไขมันยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างและรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายอีกด้วยดังนั้นเราควรจะเลือกไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอกน้ำมันแคนูล่า ไขมันจากปลาและสัตว์ทะเล นม และพวกถั่วต่างๆโดยไขมันทั้งหมดจะให้คิดเป็นประมาณ 30 % ของของแคลอรีต่อวัน
3. Micro nutrition (วิตามิน และเกลือแร่ )
ในที่นี้เราจะรวมถึง น้ำ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกาย เราควรบริโภคให้ได้ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย รวมถึงวิตามิน และเกลือแร่สามารถบริโภคได้จากผักและผลไม้ทั่วไป
ในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่มากมายจะช่วยให้เราสามารถลดความยุ่งยากในการจดแคลอรีในชีวิตประจำวันของเราได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมจะใช้โปรแกรมบนเว็ปไซด์ที่มีชื่อว่า My fitness pal (https://www.myfitnesspal.com/) และยังสามารถเชื่อมต่อกับแอพลิเคชันบนมือถือได้อีกด้วยที่เกี่ยวกับการนับแคลอรีในอาหาร มีฐานข้อมูลอาหารออนไลน์ที่ใหญ่มากอีกทั้งยังสามารถสร้างเมนูใหม่ได้เองยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่ผมชอบมากที่สุดก็คือการที่มันสามารถสแกนบาร์โค้ดบนผลิตภัณฑ์ได้นั่นเองซึ่งการมีติดไว้มือถือมันที่ให้การนับแคลอรีเป็นเรื่องที่สนุกและเป็นเครื่องคอยเตือนใจได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือฟรี !! แต่ในความฟรีก็ย่อมต้องมมีความจุดบกพร่องพอสมควรเนื่องจากฐานข้อมูลใหญ่และสามารถสร้างเมนูขึ้นเองได้ก็จะทำให้ข้อมูลในหลายๆรายการที่อาจไม่น่าเชื่อถืออาจต้องใช้วิจารณญาณและประสบการณ์ในการเลือก หรืออาจหาข้อมูลหลายๆที่ประกอบถ้ารู้สึกว่ามันแปลกๆสำหรับรายการที่น่าเชื่อถือจะมีเครื่องหมายไว้ให้ว่าผ่านการตรวจสอบโดยทางผู้พัฒนาโปรแกรมแล้ว มีลิงค์อยู่ใต้เพจของเรานะครับหารูปนี้แล้วกดเข้าไปเลย
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_56eedca5d42a45109b97e0bf2c309cb2~mv2.png/v1/fill/w_183,h_40,al_c,q_85,enc_auto/8764c0_56eedca5d42a45109b97e0bf2c309cb2~mv2.png)
![](https://static.wixstatic.com/media/8764c0_b646e572a77e40fab9f9458929936c74~mv2_d_2048_2048_s_2.jpg/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/8764c0_b646e572a77e40fab9f9458929936c74~mv2_d_2048_2048_s_2.jpg)