top of page

History of Breakfast คำว่าอาหารเช้าจริงๆแล้วมันมีที่มายังไงกันแน่???

“Breakfast”

ในยุคสมัยนี้ที่อาหารมีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอรมาเก็ต ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจออาหารแล้ว ขยับตัวแปปๆก็ได้กินล้ะ อาหารหาง่ายมากในยุคที่เราอยู่ขณะนี้ จริงไหม?

ลองนึกภาพนี้ตามดูนะ

มนุษย์เราเนี่ยกว่าจะหาอาหารได้เนี่ย ใช่ว่าจะมีซุปเปอมาเก็ตตั้งอยู่แถวริมแม่น้ำใกล้ๆถ้ำอันแสนสุขสบายของเขา จริงไหม เขาต้องออกล่าสัตว์ วิ่งไล่กวางซักตัวก็กินเวลาไปครึ่งวันล้ะ กว่าจะแล่เนื้อมันเสร็จ เอามันมาทำอาหารอีก ก็ตกเย็นซะแล้วกว่าจะได้กินมื้อแรกของวัน แล้วมื้อเย็นของเขาก็ไม่ใช่เป็นมื้อเล็กๆ แต่อาจจะเป็นเนื้อสัตว์ใหญ่เกือบทั้งตัว กินกันกับครอบครัวมนุษย์ถ้ำ แต่ยุคสมัยนี้เรากับแทบไม่ต้องออกแรงเลยซักนิดก็ได้กินอาหารแล้ว การใช้ชีวิตมันช่างต่างกันเหลือเกินว่าไหม ทั้งๆที่ระบบร่างกายก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น

โอเคขนอาจจะเยอะกว่าหน่อยมั้ง แต่ก็เข้าใจแหล่ะใช่ไหมว่าผมจะสื่ออะไรตอนนี้

 

เอาหล่ะมาดูกันหน่อยกับคำว่า Breakfast มันมายังไงแน่??

รู้ไหมคำว่า Dinner, disner ในภาษาอังกฤษเก่า มันแปลว่าเพื่อหยุดการอดอาหาร หรือ “to break the fast” แต่ความหมายของ dinner มันเปลี่ยนไปในในช่วงศตวรรษที่ 13 และแล้วในช่วงศตสรรษที่ 15 เองที่คำว่า “breakfast” หมายถึงอาหารเช้าในภาษาอังกฤษ ซึ่งความหมายก็ตรงตัวมากๆคือ หยุดการอดอาหารหลังจากการนอนในคืนที่ผ่านมา “Breaking the fasting period of the prior night”

งี้ก็หมายความว่าคนเราก็ฟาสกันมาตั้งนานแล้วสิ ไม่ใช่แค่ยุคดึกดำบรรพ์ด้วย อ้าวล้ะไหงคนถึงเริ่มกินข้าวเช้ากันได้หล่ะ อะไรมันดลใจให้ตื่นมาล้ะต้องซัดหนมปังซักแผ่น นมซักแก้ว ถึงจะออกไปเผชิญโลกอันโหดร้ายได้หล่ะเนี่ยย??

ลองมาเจาะลึกกันดูว่าอาหารเช้าเนี่ยใครเป็นคนเริ่มกันแน่?? รู้ไหมว่ายโรปในค.ส.500-1500 การกินอาหารเช้าจริงๆแล้วนั้นหมายความว่าเรานั้นไม่มีฐานะในสังคม เป็นชนชั้นแรงงานหรือทาส ที่ต้องการพลังงานจริงๆในการทำงานหนักหนาสาหัสที่จะต้องเผชิญในช่วงเช้า แทบจะเป็นจะตายเลยก็ว่าได้ ถึงจะได้กินอาหารเช้า หรือมันหมายความว่าเรานั้นอ่อนแอเกินที่จะรอไปจนถึงเที่ยงวันเพื่อกินอาหาร ซึ่งในยุคกลางผู้คนเชื่อว่าความตะกละนั้นเป็นบาป ผู้ชายในยุคนั้นจะรู้สึกอายเมื่อได้ทานอาหารเช้า และแล้วอาหารเช้าก็เข้ามาจริงๆจังๆใน ค.ส.1500 เป็นต้นมา

ในอังกฤษช่วงศตวรรษที่16 นักกายภาพหลายๆคนนั้นบอกว่าการกินอาหารเช้านั้นไม่ดีต่อสุขภาพ แต่แล้วก็มีความเชื่อจากหลายๆแหล่งว่าอาหารเช้านั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น ในปีค.ส.1550 Thomas Wingfield กล่าวว่า "อาหารเช้านั้นเป็นสิ่งสำคัญ" ในค.ส.1589 Thomas Cogan กล่าวว่า " การพลาดมื้อเช้าเป็นการกระทำที่ส่งผลต่อสุขภาพที่ไม่ดี" เขาเป็นหนึ่งในนักกายภาพแรกๆที่บอกว่าอาหารเช้านั้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เด็ก และคนป่วย

และแล้วอาหารเช้าก็กลายเป็นเทรนการกินเพื่อสุขภาพที่ดีและเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน

ลองไปอ่านกันเพิ่มได้นะครับ อันนี้เป็นเกล็ดความรู้เล็กน้อย เป็นFun fact ให้อ่านกันเล่นๆนะครับ เพื่อให้พอเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ไม่ใช่เนื้อหาหลักนะครับ xD


© 2016 by Fit Cafe.

  • Facebook Social Icon
© Copyright by Fitcafe Fasting Team
bottom of page